ขั้นตอนการแปรรูปอาหาร แช่แข็ง

Process-of-frozen-food-processingnew

ด้วยความทันสมัยของอุตสาหกรรมทางด้านอาหารเราจึงเห็นว่าวิธีในการถนอมอาหารก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่สร้างประโยชน์ให้กับคนเราเป็นอย่างยิ่ง เพราะด้วยวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป เราไม่สามารถที่จะมานั่งหาอาหารเหมือนกับคนในอดีตกันได้อีก ทุกอย่างล้วนแล้วแต่มีหน้าที่เป็นของตนเอง เทคโนโลยีเหล่านี้จึงเข้ามามีบทบาทที่ช่วยให้การใช้ชีวิตของคนในปัจจุบันง่ายมากขึ้นกว่าเดิม อย่างการแปรรูปอาหารแช่แข็งก็เป็นการนำอาหารมาผ่านการแปรรูปด้วยการให้ความเย็นระดับเยือกแข็งที่ถือว่าเป็นวิธีการถนอมอาหารประเภทหนึ่งเพื่อให้สามารถเก็บได้ยาวนานมากขึ้น ซึ่งอุณหภูมิที่มีความต่ำมากๆ จะช่วยหยุดการเน่าเสียของอาหารเอาไว้ได้เพราะว่าจุลินทรีมีการเจริญเติบโต และปฏิกิริยาทางเคมีได้หายไป

ขั้นตอนการแปรรูปอาหารแช่แข็ง

คนส่วนใหญ่เวลาที่นึกถึงอาหารแช่แข็งก็มักจะต้องนึกถึงอาหารทะเลเป็นหลัก อาทิ กุ้ง หอย ปู ปลา ต่างๆ เหตุผลก็เพราะวัตถุดิบประเภทนี้ต้องใช้เวลาในการขนส่งที่สำคัญพวกมันมักจะอยู่ในสภาพอากาศที่เย็นคือในน้ำ เพราะฉะนั้นเมื่อจับขึ้นมาแล้วเจออุณหภูมิปกติก็ทำให้เกิดการเน่าเสียได้ง่าย ทว่าจริงๆ แล้วการแปรรูปอาหารแช่แข็งก็มีด้วยกันหลากหลายประเภทอาหารไม่ว่าจะเป็นผัก ผลไม้ หรือแม้แต่อาหารสำเร็จรูปในยุคปัจจุบันก็ล้วนแล้วแต่มีการแปรรูปเป็นอาหารแช่แข็งด้วยกันทั้งสิ้นเพื่อให้คงสภาพในการเก็บเอาไว้ทานได้นานมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม แต่จะขอยกตัวอย่างอาหารแช่แข็งประเภทอาหารทะเลเพื่อให้เห็นภาพได้ชัดเจนมากขึ้น

  1. ต้องมีการรักษาคุณภาพก่อนถึงโรงงานแปรรูปโดยต้องมีการควบคุมอุณหภูมิให้ต่ำว่า 4 องศาเซลเซียส ใช้น้ำแข็งผสมเกลือหรือเก็บในน้ำทะเลที่แข็งและเย็นจัดก็ช่วยได้ หรือการเก็บไว้ใน้ห้องเย็นก็เป็นวิธีการที่ดี
  2. เมื่อวัตถุดิบมาถึงโรงงานแปรรูปก็ให้ทำการล้างเพื่อกำจัดสิ่งปนเปื้อนต่างๆ ออกรวมถึงเป็นการลดปริมาณจุลินทรีเริ่มต้นที่มาจากตัววัตถุดิบด้วย อาจใช้น้ำสะอาดผสมคลอรีนความเข้มข้นระดับ 3-5% อาจเติมเกลือในการลดอุณหภูมิน้ำ
  3. เมื่อล้างเรียบร้อยก็ให้ตัดแต่งขั้นต้นซึ่งก็จะขึ้นอยู่กับชนิดของวัตถุดิบนั้นๆ ว่าต้องทำอะไรบ้าง เช่น ปลาหมึกจะลอกหนัง กระดองออก แล้วก็ตัดตาพร้อมถุงหมึก เป็นต้น
  4. แช่ในสารละลายเป็นการปรับปรุงเนื้อสัมผัสเป็นขั้นตอนที่ทำให้รักษาคุณภาพไว้ได้
  5. ตัดแต่งขั้นสุดท้ายให้มีลักษณะตามความต้องการซึ่งก็ขึ้นอยู่กับชนิดของวัตถุดิบอีกเช่นเดียวกัน
  6. คัดขนาดเป็นไปตามที่ควรจะเป็นจากนั้นก็แพ็คใส่บรรจุภัณฑ์เพื่อนำไปขายหรือส่งออกต่อไป